วันวาเลนไทน์ ปี 2009 เพนคิลเลอร์ (PAINKILLER) ได้ทำความรู้จักกับหนุ่มไทยในฐานะแบรนด์เสื้อผ้า
ที่นำเสนอแนวคิดของผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษยุคใหม่ ผ่านงานออกแบบที่ผสมผสานดีเทลของรูปทรงและวัสดุ
ที่แตกต่างเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากจะเป็นเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่แล้ว ยังสื่อถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ อบอุ่น ใส่ใจกับศิลปะและความเป็นไปของโลก
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว แบรนด์เสื้อผ้าชายที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของสามพี่น้องตระกูลเฑียรฆประสิทธิ์ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่สยามเซ็นเตอร์ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์
น้องสาวคนเล็กของบ้านที่จบการศึกษาด้านแฟชันดีไซน์ สาขาเมนส์แวร์ มาจากปารีส ได้ริเริ่มที่จะเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา โดยสิริอร รับหน้าที่เป็นทั้ง Managing Director และพ่วงตำแหน่ง Creative Director รับหน้าที่ออกแบบและดูแลทิศทางของแบรนด์ทั้งหมด โดยได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสอง คือ ภูมิศักดิ์ เฑียรฆประสิทธิ์ Visual & Merchandising Director พี่ชายคนโตผู้ทำหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์และวิธีการสื่อสารของแบรนด์ รวมถึงเป็นเมอร์แชนไดเซอร์ที่เลือกแบบของเสื้อผ้าต่างๆ พร้อมทั้งร่วมออกแบบในบางส่วน ขณะที่ ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ พี่ชายคนกลางที่รับหน้าที่ Graphic Director ออกแบบกราฟิกและลวดลายต่างๆ บนเสื้อผ้า รวมไปถึงงานออกแบบกราฟิกในสื่อต่างๆ ของแบรนด์

The Three Musketeers
“อร (สิริอร) เป็นน้องสาวคนเล็ก แต่เป็นเหมือนหัวหน้าใหญ่ คุมทิศทางของแบรนด์ทั้งหมด เราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีทัศนคติและมุมมองใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะเรื่องของความงามและศิลปะ เราจะเห็นอะไรตรงกันเสมอ เป็นข้อดีของการทำงาน เราจะเห็นอะไรตรงกันเสมอว่าอันไหนคือ ดี-ไม่ดี
สวย-ไม่สวย อะไรที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นจุดแข็งที่ทำให้แบรนด์มีความชัดเจนและแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเรื่องของงานดีไซน์”
ภูมิศักดิ์ พี่ชายคนโตกล่าวถึงการทำงานร่วมกันตลอดสิบปีที่ผ่านมาของพี่น้องทั้งสามคน ที่ทำงานสอดประสานกันเหมือนกับสัญลักษณ์กระดุมสามรูในโลโก้ของแบรนด์เพนคิลเลอร์ซึ่งเป็นโลโก้ที่ธีรวัฒน์ พี่ชายคนรองเป็นผู้ออกแบบ
S/S 2009 – Away From Home S/S 2009 – Away From Home
จุดเด่นของเพนคิลเลอร์อยู่ที่การเล่าเรื่องต่างๆ ผ่านคอลเลกชัน ลายพิมพ์ทุกลายบอกเล่าเรื่องราวที่สิริอรอยากพูดถึง แล้วธีรวัฒน์นำมาตีความเป็นภาพ “ผมต้องดูว่าเวลามันเป็นกราฟิกแล้วมาอยู่บนเสื้อผ้าแล้วจะหน้าตาเป็นอย่างไร การทำงานให้เพนคิลเลอร์อยู่กึ่งกลางระว่างสิ่งที่ผมอยากวาดและสิ่งที่อรอยากได้ เราทำงานด้วยความเชื่อใจกัน ผมก็เชื่ออร และอรก็เชื่อผม เนื่องจากเราอยู่กันมาสามพี่น้อง เราก็จะมีความเข้าใจกันและมีความประนีประนอม ผมก็มีความต้องการวาดในสิ่งที่อยากวาด อรก็จะบอกว่ามันเล่าเรื่องไหม พี่โม่ (ภูมิศักดิ์) ก็อาจจะถามว่า มันขายได้ไหม ถ้าเปรียบเทียบการทำงานให้ลูกค้ารายอื่น ถือว่าเพนคิลเลอร์คือลูกค้าที่เชื่อใจผมที่สุด”
เมื่อได้รับภาพร่างของแต่ละชุด ทีมดีไซน์จะขึ้นแพทเพิร์นบนกระดาษ ก่อนจะตัดเย็บตัวอย่างด้วยผ้าขาว เช่นเดียวกันกับการทำงานในแฟชันเฮาส์โบราณ การตัดเย็บด้วยมือโดยช่างฝีมือผู้มากประสบการณ์คือสิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้
เรื่องราวที่สิริอรเล่าผ่านเสื้อผ้าของเธอมาจากการที่เธออ่านสิ่งต่างๆ เมื่อเจอเนื้อหาที่น่าสนใจเธอก็จะหยิบยกขึ้นมาพูดเป็นเรื่องราวของเสื้อผ้าในแต่ละคอลเลกชัน “คอลเลกชันของเพนคิลเลอร์เป็นการเล่าเรื่องราวที่อรอยากจะเล่า บางครั้งก็สะท้อนถึงสังคม บางอย่างก็เล่าเรื่องของเมืองไทยให้คนไทยได้ทราบ อรพูดในส่ิงที่อรอยากพูดและเคารพในทุกอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับอาชีพของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นช่างแพทเทิร์นและร่วมงานกับเขาอย่างดี อย่างให้เกียรติ เหมือนเป็นแฟชันเฮ้าส์ระบบโบราณ เป็นการทำงานแบบครอบครัว”
A/W 2010 – Azure ลายพิมพ์จาก A/W 2010 – Azure ออกแบบโดย ธีรวัฒน์
Growing Strong
เรื่องเล่าของสิริอรส่งผ่านเสื้อผ้าที่มีเสน่ห์ ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้คนสนใจคือความกลมกล่อมในงานดีไซน์ เวลาออกแบบสิริอรจะคิดถึงเรื่องความกลมกล่อม โดยผสมงานคราฟต์กับเทรนด์เข้าไว้ด้วยกัน เป็นแฟชันที่ใส่ง่าย มีความประณีต และกลมกล่อมด้วยสัดส่วนที่เหมาะเจาะ ทำให้เพนคิลเลอร์เป็นเสื้อผ้าของชายหนุ่มยุคใหม่ที่มีเสน่ห์
“ผู้ชายของเพนคิลเลอร์ต้องเป็นสุภาพบุรุษ เราอยากสนับสนุนความเป็นสุภาพบุรุษที่มีความอ่อนโยน ผู้ชายทุกคนควรมีความอ่อนโยน รู้จักความอ่อนไหว แต่ต้องมีความเข้มแข็ง มีจุดยืนของตัวเองและรักศิลปะ ซึ่งนี่เป็นสิ่งแรกที่เราทำเพื่อที่จะสร้างไลฟ์สไตล์และชีวิตของผู้ชายกลุ่มหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่รักของคน” ภูมิศักดิ์กล่าวเสริม
ภาพ illustrator โดยธีรวัฒน์
ที่มีต้นแบบมาจากคอลเลกชัน
A/W 2012 – The Curiosity CabinetS/S 2015 – Former Future
A/W 2016 – Land Before Time S/S 2017 – I Paint with Shapes
เมื่อย้อนกลับไปมองหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ในสายตาของดีไซเนอร์สิริอรคิดว่า “พัฒนาการของเพนคิลเลอร์เป็นเรื่องของการปรับตัวเข้าหากลุ่มลูกค้า แต่ความสำเร็จคือการที่เราจะปรับตัวอย่างไรเราก็ยังเป็นคนเดิม ไม่ว่าเราจะใช้เทรนด์แบบไหนหรือได้อิทธิพลอะไรเข้ามาในแบรนด์ แต่เราก็ยังสื่อถึงผู้ชายคนเดิมที่โตไปกับเราด้วย”

ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีไทยเรื่อง “พระอภัยมณี”
เช่นเดียวกับธีรวัฒน์ที่มองว่า “ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากอรเป็นคนที่มีความสนใจที่หลากหลาย เรื่องที่อยากเล่าก็หลากหลาย สไตล์การวาดของผมที่จะเอาไปใช้ในลายพิมพ์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเรื่องราว
การเปลี่ยนแปลงของสไตล์และเรื่องราวนี้ ทำให้ตัวผมเองก็ได้เรียนรู้และต้องปรับตัวอยู่เสมอในแต่ละ
คอลเลกชันเพื่อให้รับกับเรื่องราวและยุคสมัย”
A/W 2018 – In the Name of the Wild A/W 2018 – In the Name of the Wild
Painkiller Life
“เพนคิลเลอร์เปิดร้านครั้งแรกในวันวาเลนไทน์ ปี 2009 ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก พอเราฉลองครบรอบสิบปีเราเลยอยากพูดถึงเรื่องความรักและพอดีตรงกับคอลเลกชันสปริง – ซัมเมอร์ 2019 ที่ชื่อว่า “When Love Blooms” เราก็เลยอยากจัดงานที่เป็นการเฉลิมฉลองถึงความรักและพูดถึงคอลเลกชันเราด้วย ในงานก็จะมี art exhibition ผสมกับแฟชันโชว์และมินิคอนเสิร์ตเล็กๆ เราอยากให้แฟชัน ศิลปะและเพลงผสานเข้าด้วยกัน โดยจัดที่สยามเซ็นเตอร์ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้” ภูมิศักดิ์เผยถึงรูปแบบของงานครบรอบสิบปีที่ผสมผสานไลฟ์สไตล์แบบเพนคิลเลอร์ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของทั้งหมดของชายหนุ่มอันเป็นที่รัก

คอลเลกชันล่าสุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Bandana และผ้าพันคอไหมวินเทจ Carré de soie
และเมื่อพูดถึงทศวรรษใหม่ที่กำลังจะมาถึง สิริอรเผยถึงอนาคตของผู้ชายที่ชื่อเพนคิลเลอร์ซึ่งเราคุ้นเคยคนนี้ว่า “อรอยากให้เพนคิลเลอร์เล่าอะไรมากกว่าเสื้อผ้า อยากให้ขยายไปเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เล่าเรื่องของผู้ชายของเพนคิลเลอร์นี่แหละ แต่อยู่ในสินค้าต่างๆ อาจจะเล่าเรื่องผ่านคอนเทนต์ในชื่อ #PAINKILLERlife ที่จะเริ่มเข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น เพราะเราอยากให้สิ่งที่มากกว่าสินค้า อยากให้สื่อสารถึงเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์และเรื่องราวที่เราสนใจให้กับลูกค้าด้วย”
